ฉบับที่แล้วผู้เขียนได้กล่าวถึงวิธีการเลือกพัตเตอร์ด้วยตนเองซึ่งหวังว่าคงเป็นข้อมูลเพื่อช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจเลือกพัตเตอร์ได้ง่ายขึ้น ฉบับนี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงวิธีการเลือกเวดจ์(Wedge) หรือเหล็กสั้น ที่มักจะใช้เล่นรอบๆกรีน เวดจ์โดยทั่วไปจะมีองศาตั้งแต่ ประมาณ 45 องศาขึ้นไป จนถึงระดับมากกว่า 60 องศา
การใช้เวดจ์เรามักจะมิได้มุ่งหวังระยะสูงสุดเป็นหลัก แต่สิ่งสมควรมุ่งหวังเป็นอย่างมากคือความแม่นยำนั่นเอง
องศาเท่าไหร่ดี
การเลือกองศาของเวดจ์ขึ้นอยู่กับระยะที่คุณต้องการเป็นหลัก อาทิเช่น หากคุณตี Pitching Wedge( 47 องศา) ได้ระยะประมาณ 120 หลา และ ตี Sand Wedge(56 องศา) ได้ระยะประมาณ 90 หลา คุณอาจจะต้องการเวดจ์ที่มีองศาประมาณ 50 องศาเพื่อการตีเต็มวงในระยะ ประมาณ 105 หลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่จำเป็นเสมอไป เนื่องจากยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกหลายอย่างที่มีผลกับระยะ ซึ่งเราจะต้องพิจารณาร่วมกัน
อาทิเช่น ลักษณะของ Groove หรือร่องบริเวณหน้าเหล็ก โดยมากมักจะถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่ม Back Spin เพื่อทำให้ลูกกอล์ฟที่ถูกตีออกไปมี ระยะและทิศทางที่แน่นอน แต่ Back Spin ที่สูง ก็มีข้อเสียเช่นกัน กล่าวคือมักจะทำให้ระยะที่ได้สั้นลงกว่าปกติ ดังนั้นอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกองศาของเวดจ์นั้นๆให้ชันกว่าปกติประมาณ 1 ถึง 2 องศา เพื่อชดเชยระยะที่มักจะสูญเสียไปจาก Back Spin ที่สูงขึ้น
Bounce เท่าไหร่ดี
Bounce หรือมุมกระดอนที่บริเวณ Sole เป็นมุมบริเวณด้านใต้ของใบเวดจ์ โดยจะมีตั้งแต่องศาต่ำๆ ตั้งแต่ 2 ถึง 4 องศาไปจนถึงองศาสูงๆประมาณ 15 องศา มีหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ใบเวดจ์ขุดลึกเกินไปในพื้นที่อ่อนนุ่ม เช่นการตีบนทรายละเอียดบริเวณรัฟ(Rough) หรือหญ้ายาว มักจะต้องการ Bounce ที่มีองศามาก ส่วนการตีในพื้นแข็งมักจะต้องการ Bounce ที่มีองศาน้อย เพื่อไม่ให้ Bounce ทำงานมากเกินไป จนทำให้เกิดการตี Top (การตีไปที่ส่วนบนของลูก)
วิธีการดูเบื้องต้นว่า Bounce มากหรือน้อย อาจจะใช้การจรดเวดจ์กับพื้นและดูระยะห่างระหว่าง Leading Edge(ขอบล่างสุดของใบ) กับพื้น หากเวดจ์เกือบจะแนบไปกับพื้นเลย เราจะเรียกว่า Bounce ต่ำ ยิ่งมีระยะห่างมาก แสดงว่า Bounce ยิ่งสูงขึ้น จริงๆแล้วมีเครื่องมือที่สามารถที่จะวัดค่า Bounce ออกมาได้ เช่นกัน
นอกจากนี้ลักษณะการสวิงลูกก็มีผลกับการเลือก Bounce ด้วย เช่น นักกอล์ฟที่วงสวิงยิ่งชัน มักจะยิ่งต้องการ Bounce ที่มาก นอกจากนี้การจรดลูกโดยการเปิดหน้าเหล็กก็เป็นการเพิ่ม Bounce ขึ้นเช่นกัน
ก้านอะไรดี
สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้ลักษณะใบของเวดจ์คือก้านนั่นเอง
ก้านยอดนิยมใช้สำหรับเวดจ์ที่เรามักจะพบเห็นเสมอคือ True Temper Dynamic Gold และปัจจุบันมีก้านที่น่าสนใจสำหรับเวดจ์ที่น่าสนใจอีกหลายแบรนด์เช่น RIFLE SPINNER ,KBS และ N.S. PRO WV
- ก้าน Dynamic Gold และ KBS เป็นก้านที่ให้ความรู้สึกนุ่มและหนักแน่น
- ก้าน Rifle Spinner เป็นก้านที่เหมาะกับการเล่น รอบๆ กรีน แต่มักจะสูญเสียระยะไปบ้างในการตีเต็มวง
- ก้าน N.S.Pro WV คือก้านที่ออกแบบสำหรับแต่ละวงสวิงในเวดจ์โดยเฉพาะ ให้ความรู้สึกเบาแต่แม่นยำ
การเลือกก้านสำหรับเวดจ์มักจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับการเลือกก้านพัตเตอร์กล่าวคือ ควรจะใช้ก้านที่มีความรู้สึกที่ดีเป็นหลัก และก้านดังกล่าวมักจะเป็นก้านเหล็ก(STEEL SHAFT)
ควรจะเลือกก้านที่มีน้ำหนักใกล้เคียงหรือหนักกว่าก้านของชุดเหล็กเล็กน้อย ที่สำคัญคือใน เวดจ์ แต่ละอัน ควรจะใช้ก้านชนิดเดียวกัน และรุ่นเดียวกัน ส่วนจะเป็นรุ่นใดนั้นขอให้ทดลองตีดูความรู้สึกเป็นสำคัญ
ใบเวดจ์แบบใดดี
การออกแบบใบเวดจ์ในปัจจุบันมีหลายหลายลักษณะตั้งแต่การใช้วัสดุ Stainless Steel และผลิตโดยวิธี Cast หรือการหลอมขึ้นรูป ไปจนถึงการใช้เหล็กอ่อน Soft Carbon Steel และผลิตด้วยวิธี Hand Made Forging นอกจากนี้ยังมีการออกแบบหน้าเหล็ก และการชุบเคลือบพื้นผิวที่แตกต่างกันไป อาทิเช่น Chrome และ Gun Metal เป็นต้น
หากไม่สามารถทดลองได้ ขอให้ทดลองจรดลูกและให้เลือกรุ่นที่จรดแล้วมั่นใจที่สุด กล่าวคือไม่ควรจะมีรู้สึกแปลกเกิดขึ้น ในขณะจรดลูก เช่นใบไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป รูปทรงไม่รู้สึกขัดหูขัดตา เป็นต้น
กริพสำหรับเวดจ์
กริพสำหรับเวดจ์ นอกจากจะเลือกใช้ขนาดที่เหมาะสม จับถนัดมือแล้ว ถ้าเป็นไปได้ผู้เขียนอยากให้เลือกใช้กริพแบบกลม (Round Grip) หรือกริพที่ไม่มีแนว สันใดๆทั้งสิ้น เนื่องจากการเล่นลูกสั้นมักมีการจรดลูกโดยเปิด และ ปิดหน้าเหล็ก เสมอ กริพแบบกลมจะทำให้ผู้เล่นจับกริพถนัดในทุกสถานการดังกล่าว
จะใช้เวดจ์กี่อันดี
ถ้าท่านผู้อ่านยังไม่ทราบว่าควรจะใช้เวดจ์กี่อันดี ผู้เขียนอยากให้เริ่มต้นที่เวดจ์ 2 อัน คือ Bounce สูง และ Bounce ต่ำก่อน เพื่อการเล่นที่หลากหลายรอบกรีน
- ถ้าตีบนพื้นที่นุ่มเช่น ทรายอ่อน หรือ รัฟ ขอให้ใช้เวดจ์ Bounce สูง
- ถ้าตีบนพื้นที่ไม่นุ่ม เช่น ทรายแข็ง หรือบนแฟร์เวย์ ขอให้ใช้เวดจ์ Bounce ต่ำ
มีนักกอล์ฟหลายคนที่เสีย Stroke โดยไม่จำเป็น เพียงเพราะเลือกใช้ Bounce ผิดเท่านั้นเอง
หลังจากได้เวดจ์ที่ต้องการแล้ว อาจจะต้องมีการ ตรวจเช็คและปรับแต่ง Loft / Lie Angle อีกครั้ง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด เป็นอันเสร็จสิ้นการเลือกเวดจ์ แล้วพบกันใหม่ครับ